7 อาหารที่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง
April 15, 2022
หากใครเคยหิวจนมือไม้สั่น ไม่มีแรงพอที่จะออกไปซื้ออาหารมารับประทานเหมือนทุกครั้ง และหาอาหารอะไรก็ได้ใส่ท้องเพียงแค่ประทังชีวิต โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพเท่าที่ควรนั้น ในวันนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังและเอาใจใส่ในเรื่องอาหารการกินมากขึ้นแล้วเพราะอาหารบางประเภทไม่เหมาะที่จะรับประทานในช่วงท้องว่าง
1. นมและถั่วเหลือง เมนูยอดนิยมสำหรับใครหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเพราะความสะดวกในการรับประทานหรือประหยัดเวลา นมมักเป็นคำตอบแรกเวลาหิว แต่แม้จะอุดมด้วยโปรตีนและเชื่อว่าการดื่มนมเยอะ ๆ จะมีประโยชน์นั้น แท้ที่จริงแล้วการดื่มนมและถั่วหลือง เช่น น้ำเต้าหู้จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภท แป้งอยู่ ดังนั้นการเลือกรับประทานนมตอนท้องว่าง จะทำให้ท้องอืดได้
2. น้ำตาลหรืออาหารหวาน การที่คนเราเสียพลังงานไปเยอะนั้น จริงอยู่ว่าร่างกายต้องได้รับการเสริมสร้างจากเกลือแร่และน้ำตาลเมื่อเรารู้สึกอ่อนเพลีย แต่ทว่าหากท้องว่างแล้วนั้น การเลือกดื่มน้ำหวาน หรือของหวานเช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ซึ่งส่งผลต่อการ ดูดซึมโปรตีนทุกชนิดและลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไตได้
3. ผัก บางคนอาจคิดว่าการทานผักเยอะ ๆ แทนข้าว โดยเฉพาะคนที่ต้องการลดควมอ้วนนั้น เป็นความคิดที่ผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนแล้ว การรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้ท้องอืด
4. กล้วย คนส่วนใหญ่มักเชื่อกันว่า การทานกล้วยเยอะ ๆ จะทำให้ระบบขับถ่ายดี แต่มักลืมกันไปว่าหากทานกล้วยในช่วงเวลาตอนท้องว่างแล้ว นอกจากจะทำให้ท้องอืด ยังจะเพิ่มธาตุแมกนีเซียมในเลือดให้สูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมซึ่งเป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ อันเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก
5. ชาแก่ ตื่นเช้าแล้วจิบน้ำชาสักแก้ว ดูแล้วเข้าท่าและน่าจะดี แต่หารู้ไม่ว่าการจิบชาร้อนโดยเฉพาะชาแก่ช่วงท้องว่างนั้นจะทำให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง เกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง
6. ลูกพลับ เป็นอีกหนึ่งชนิดต้องห้ามยามท้องว่าง เพราะลูกพลับจะเป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามาก ทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
7. เหล้า กระเทียม เป็นสิ่งสุดท้ายที่ไม่ควรรับประทานในขณะท้องว่าง เพราะทั้งสองสิ่งนี้จะมีส่วนเพิ่มแรงกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
อย่างไรก็ตาม ขณะท้องว่างนั้น เราไม่ควรอาบน้ำและออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เกิด อาการช็อกได้ง่าย เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำมากและเมื่อตื่นเช้าขึ้นมา เราควรดื่มน้ำอุ่นๆสัก 1-2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพ อีกทั้งยังช่วยปรับระบบขับถ่ายให้ดีขึ้นอีกด้วย
References